Powered By Blogger

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ทำได้แนๆ แค่รู้วิธี


"5 วิธีแก้ขอบตาดำคล้ำ" มาบอกลาขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้ากันเถอะ!

"5 วิธีแก้ขอบตาดำคล้ำ" 


เคยมะ? ตาคล้ำยังไงก็แก้ไม่หาย พึ่งแต่เมคอัพ บอกเลยว่าวิธีนี้ช่วยได้ แถมทำได้เองที่บ้านง่ายๆ จะมีวิธีอะไรบ้าง ไปดูค่ะ!


1  ประคบด้วยแอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลนี่งานดีจริงๆ นำแอปเปิ้ลสด 2 ชิ้น มาวางบนเปลือกตาประมาณ 15 นาที รับรองว่าสาวๆ จะเห็นผลเลยว่ารอยคล้ำมันจางลงอย่างเห็นได้ชัด!! สาวๆ สามารถทำได้ทุกๆ วันเลยนะจ๊ะ

2 ประคบด้วยไข่ต้ม
นำไข่ต้มสุกปอกเปลือกออกขณะที่ไข่ยังร้อนอยู่ ใช้ผ้าสะอาดห่อไข่ นำไปนวดบริเวณรอบดวงตาเบาๆ ทำแบบนี้ช่วยให้เพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ ขอบตาดำคล้ำก็จะหายไป


3  ประคบด้วยแตงกวา
วิธีนี้เป็นวิธียอดฮิตกันเลยทีเดียว นำแตงกวาสดมาหั่นเป็นแว่นๆ และนำไปแช่เย็นไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำมาวางบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10  นาที แค่นี้ขอบตาก็จะเปล่งปลั่ง ร่างกายก็จะรู้สึกสดชื่น

               

4 ประคบด้วยถุงชา
ใครชอบดื่มชาอยู่แล้ว ก็มาจัดวิธีกันได้เลยจ้า นำถุงชาที่ชงแล้ว แช่ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที จากนั้นนำมาวางทับบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วนำถุงชาออก แค่นี้ก็ช่วยให้ผ่อนคลาย ขอบตาก็จะหายคล้ำ สาวๆ ที่แพ้ง่ายสามารถใช้วิธีนี้ได้เลยนะคะ




5 ประคบด้วยน้ำแข็ง
วิธีสุดท้าย ใช้ผ้าขาวบางห่อน้ำแข็ง วางทับบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 - 15 นาที แนะนำว่าควรทำในตอนเช้านะคะสาวๆ เพราะความเย็นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตาและลดความคล้ำของผิวรอบดวงตาลงได้ด้วย
เป็นยังไงกันคะสำหรับวิธีง่ายๆ ในการบอกลาขอบตาดำคล้ำเป็นหมีแพนด้า ทั้ง 5 วิธีนี้ ทดลองทำกันได้เลยนะคะ จะช่วยให้สาวๆมั่นใจในการออกจากบ้านไปทำงาน หรือ ไป Hang out กับเพื่อนสาวได้แน่นอนจ้า

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561

แจกสูตรหมูสามชั้นสไลด์ทอดน้ำปลา

หมูสามชั้นทอดกรอบ ๆ ทานเพลินจนหยุดไม่อยู่ 


ส่วนผสม
- หมูสามชั้นสไลด์ 4 ขีด 
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ 
- พริกไทป่น 2 ช้อนชา 
- แป้งอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำเย็น 3 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำมันสำหรับทอด 

วิธีทำ 
เวลาเตรียมส่วนผสม: 20 นาที 
เวลาปรุงอาหาร: 10 นาที 

1 นำหมูสไลด์มาแร่ส่วนที่เป็นหนังแข็ง ๆ ออก และหั่นเป็นชิ้นขนาดกลาง ๆ 


2 ใส่น้ำปลาดี 3 ช้อนโต๊ะ พริกไทป่น 2 ช้อนชา คลุกเคล้าให้เข้ากัน และนำไปแช่ตู้เย็นพักไว้ประมาณ 15 นาที 


3 ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพอท่วมหมู นำหมูสไตล์ลงไปทอด ค่อย ๆ ใส่ลงไปทีละชิ้น เพื่อจะได้สุกทั่ว ทอดจนสีเหลืองทอง นำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน 


4 เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว หรือ น้ำจิ้มไก่ ทานเป็นกับข้าวก็ได้ ทานเล่นก็ดี 

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

💦 ดื่มน้ำให้ถูกเวลา ช่วยลดพุงได้ง่ายๆ 💪



ดื่มน้ำให้ถูกเวลา ช่วยลดพุงได้ง่ายๆ


น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอจึงมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง แถมยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย เพราะน้ำเปล่ามีส่วนในการกระตุ้นการเผาผลาญไขมันและน้ำตาลในร่างกาย ☺

📖มีหลายผลงานวิจัยที่พิสูจน์มาแล้วว่า

การดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมนั้น จะช่วยลดน้ำหนักได้จริง นั่นเป็นเพราะ น้ำเปล่า ไม่มีแคลอรี่ และการดื่มน้ำเปล่าจะช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้ลดลง ทำให้การเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุล ร่างกายจึงไปดึงไขมันและพลังงานที่สะสมอยู่ตามร่างกายไปเผาผลาญเพิ่ม ทำให้น้ำหนักลดลงในที่สุด❗


การดื้มน้ำในแต่ละช่วงเวลาของวัน จะให้ปรพโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันไป โดยแบ่งเป็น 9 ช่วงเวลา ดังนี้


🕕 หลังตื่นนอนขณะท้องว่าง : 2 แก้ว ช่วยดีท็อกซ์ลำไส้และกระตุ้นการทำงานของระบบภายใน
.
🕡 30 นาทีก่อนอาหารเช้า : 1 แก้ว ช่วยย่อยอาหารและทำให้อิ่มไวขึ้น
.
🕖 1 ชม. หลังอาหารเช้า : 1 แก้ว ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
🕦 30 นาทีก่อนอาหารกลางวัน : 1 แก้ว ช่วยให้อิ่มไวขึ้นและย่อยง่าย
.
🕐 1 ชั่วโมงหลังอาหารกลางวัน : 1-2 แก้ว ช่วยย่อยอาหารและช่วยในการขับถ่าย
.
🕒 ช่วงบ่าย 3 : 1-2 แก้ว เพิ่มความสดชื่นและความชุ่มชื่นให้ผิว
.
🕠 30 นาทีก่อนอาหารเย็น : 1 แก้ว ลดความอยากอาหารและช่วยให้อาหารย่อยง่ายขึ้น
.
🕗 ช่วง 1-2 ทุ่ม : 2 แก้ว ให้เลือดไหลเวียนสะดวกยิ่งขึ้นและผิวสวยผ่องใส
.
🕙 1 ชั่วโมงก่อนนอน : 1 แก้ว ล้างสิ่งตกค้างในลำไส้
***แก้วละ 250 ซีซี***

https://line.me/R/ti/p/%40vex7573r

 🤔 บอกเลยว่า การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันนั้นสำคัญจริงๆ นะ ใครที่ยังไม่ชินกับการดื่มน้ำเยอะๆ ก็ค่อยๆ ปรับตัวนะจ๊ะ

 เริ่มจากการเพิ่มทีละนิด พยายามจิบน้ำบ่อยขึ้น แล้วอย่าลืมนำเคล็ดลับที่นำมาบอกไปปรับใช้ให้เหมาะกับปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการสำหรับแต่ละคนด้วยนะคะ ..

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

5 เคล็ดลับกินเค้กอย่างไรไม่ให้อ้วนลงพุง


ความอยากของหวานไม่เข้าใครออกใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนแห่งความรักแบบนี้ นอกจากคนรักจะชวนทานของหวานหน้าตาน่าทานแล้ว หลายๆ ร้านยังจัดโปรโมชั่น จัดเซ็ตพิเศษจนเราอดใจไม่ไหว ไม่ทานก็ทรมานใจ ทรมานปาก แต่ทานเค้กสุดอร่อยอย่างไรไม่ให้อ้วน มาดูกัน


1. ทานตอนเช้า
อาจฟังดูแปลก แต่เราไม่จำเป็นต้องทานเค้กตอนเย็นเสมอไปนี่ จริงไหม หากอยากทานเค้กให้หนำใจไม่กลัวอ้วน ลองซื้อเค้กมาตั้งแต่ตอนเย็น แล้วนำมาทานตอนเช้า (แช่ตู้เย็นด้วยล่ะ) หรือบุกร้านเค้กตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ ไปเลย ซึ่งวิธีหลังเป็นวิธีที่เราอยากแนะนำมากกว่า เพราะนอกจากเราจะได้เค้กที่อบใหม่ๆ ไม่ต้องอารมณ์เสียกับเค้กบางอย่างที่อาจจะขายดีจนหมดเสียก่อน เรายังได้เผาผลาญพลังงานที่เราได้จากเค้กตั้งแต่เช้า ยิ่งช่วงเช้าระดับน้ำตาลในเลือดจะต่ำอยู่แล้วด้วย เพิ่มน้ำตาลสักหน่อย ทำให้ร่างกายสดชื่น มีพลังงานใช้ชีวิตต่อได้ตลอดทั้งวันอย่างแน่นอน

2. เลือกเค้กญี่ปุ่น

ทำไมเราถึงเชียร์ให้ทานเค้กญี่ปุ่น? เพราะส่วนใหญ่แล้วเค้กญี่ปุ่นแท้ๆ จะเนื้อเบาๆ น้ำตาลน้อยๆ รสชาติไม่หวานมาก และท็อปปิ้งเป็นผลไม้สด แทนที่จะเป็นผลไม้เชื่อม หรือผลไม้แช่แข็ง ทำให้ขนมหวานมื้อนี้ไม่ได้มีแต่แป้ง และน้ำตาล แต่ยังมีวิตามินดีๆ จากผลไม้สดอีกด้วย นอกจากนี้หากคุณเป็นคนชอบทานเค้กช็อคโกแลต เค้กญี่ปุ่นยังชอบใส่โก้โก้มากกว่าน้ำตาล ทำให้ได้รสชาติเข้มข้นจากโกโก้ มากกว่าจะได้ความหวานมันจากน้ำตาลอีกด้วย
โบนัสอีกข้อที่อาจจะฟังดูไม่ดี คือเค้กญี่ปุ่นมักมีราคาสูง ชิ้นไม่ใหญ่โตเท่าไร เราจึงเลือกทานได้แค่ชิ้นเล็กๆ พอหายอยาก ไม่ถึงขนาดทานเอาอิ่ม แต่แค่นี้ก็ฟินได้แล้วเนอะ
3. เลี่ยงชีสเค้ก เลือกเครปเค้ก
สาวๆ ที่พุ่งตรงไปจิ้มชีสเค้กที่หน้าตู้ ลองตั้งสติใหม่ แล้วเหลือบไปมองเครปเค้กดูบ้าง เครปเค้ก คือเค้กที่เป็นแป้งบางๆ วางชั้นสลับกับครีมสด ซ้อนกันหลายๆ ชั้น รสชาติหวานน้อยมากถึงมากที่สุด ดังนั้นเวลาทานจะมีซอสราดอยู่บนเค้กเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติ ซึ่งปริมาณซอสที่เราทานคู่กับเค้กในแต่ละคำก็พอดีๆ ไม่มากไม่น้อย ช่วยชูรสชาติของเค้กให้อร่อยขึ้นได้แบบไม่กลัวอ้วนเท่ากับครีมหนาๆ ชีสแน่นๆ แถมเครปเค้กยังราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ของเราอีกด้วยนะ


5 เคล็ดลับ กิน ดี สุขภาพดี

5 เคล็ดลับ กิน ดี สุขภาพดี



การที่เราจะมีสุขภาพดีได้นั้น นอกจากขึ้นอยูกับปัจจัยภายนอกแล้ว ปัจจัยภายในอย่างการ กิน อาหารก็สำคัญเช่นกัน เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าเพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกายเรานั้น เราควรเลือก กิน อาหารอย่างไรบ้าง




1. กิน อาหารครบ 5 หมู่

อันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเรื่องแรกเลยค่ะ สำหรับการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเพิ่มความสำคัญของการกินอาหารแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด โดยน้ำหนักตัวเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างง่ายถึงภาวะสุขภาพ หากสังเกตเห็นว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำหนักปกติ แสดงให้เห็นว่าเริ่มกินอาหารมากเกินไปแล้ว ควรจะต้องหันมาควบคุมลดปริมาณให้น้อยลง เน้นอาหารในส่วนที่เป็นอาหารที่มีใยอาหาร อย่างเช่น ผัก ให้มากขึ้น หรือหากพบว่าน้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ และมีการอ่อนเพลีย ง่วง ซึม ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ เพราะฉะนั้นควรหมั่นชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้งด้วยค่ะ

2. เลือกข้าวแบบไม่ขัดสี


อาหารหลัก นั่นก็คือ ข้าว แต่การทานข้าวนั้นควรเลือกกินข้าวที่ไม่ขัดสี ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง เนื่องจากจะมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนและใยอาหารมากกว่าข้าวขาวที่ถูกขัดสีแล้ว


3. กิน พืชผักและผลไม้เป็นประจำ

เพราะพืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่สำคัญหลายชนิด คือ วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร และให้สารอื่นที่มิใช่สารอาหาร เช่น สารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใส ไม่แก่เกินวัย นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรที่ช่วยรักษาสุขภาพอีกด้วย

4. เน้นปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และไข่
เป็นการกินอาหารที่ให้โปรตีน โดยเน้นปลา ซึ่งการทานปลาจะไม่ทำให้เกิดไขมันสะสม และมีคุณค่างอาหารมาก ย่อยง่าย ส่วนเนื้อสัตว์ให้เลือกที่ไม่ติดมันจะดีกว่า เพราะจะไม่มีไขมันเกิดขึ้น และไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินเป็นประจำอาทิตย์ละ 2-3 วัน / ฟอง


5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย

นมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และแร่ธาตุต่างๆ โดยสามารถเลือกดื่มนมพร่องไขมันได้สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักด้วย ซี่งการดื่มนมควรดื่มวันละ 1 แก้ว เพื่อคุณค่าทางอาหารที่ครบถ้วน

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

รู้หรือไม่? เครียด แล้วทำให้ อ้วน



https://www.facebook.com/dealerspm/

รู้หรือไม่? เครียด แล้วทำให้ อ้วน
สารพันปัญหานับเป็นน้ำจิ้มของชีวิตให้เราได้ต่อสู้ดิ้นรน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ยิ่งเครียดมากก็ยิ่ง อ้วน มาก ซึ่งอาจจะชวนมึนกันสักหน่อย เพราะหลายคนอาจเข้าใจว่า เครียด…จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แล้วความเครียดจะทำให้ อ้วน ได้อย่างไร วันนี้จะพาไปเจาะลึก


ในแต่ละวัน เราทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความเครียด ซึ่งจะเครียดจากงาน จากลูกชาย หรือปัญหาน้ำท่วม ก็นับว่าเป็นความเครียดอย่างหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้มีความมุ่งมั่นที่จะฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆ แต่หากว่าความเครียดระดับขี้เล็บเหล่านี้เดินหน้ามาอย่างสม่ำเสมอ และคุณก็ไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ เจ้าความเครียดนี่แหละที่จะก่อปัญหาด้านสุขภาพตามมาติดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพจิตใจ ส่งผลต่อหัวใจ ภูมิต้านทานต่ำ หรือแม้แต่รบกวนความรู้สึกอยากและหิวหาอาหาร ซึ่งบางรายเมื่อรู้สึกเครียดก็จะไม่ยอมรับประทานอะไรเลย ในขณะที่บางรายจะสรรหาสารพัดของกินมากินแก้เครียด
เมื่อเกิดความเครียด ทุกสิ่งอย่างจะถูกกักตุนไว้ที่สมอง โดยเจ้าสมองอันชาญฉลาดจะส่งสัญญาณไปยังต่อมแอดรินาลีน ซึ่งอยู่เหนือบริเวณไตให้หลั่งฮอร์โมนความเครียดชนิดหนึ่งออกมา นั่นคือ ‘คอร์ติโซล’ ที่จะส่งสัญญาณบอกเซลล์ไขมันในช่องท้องให้สร้างไขมันสะสมเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บพลังงาน เมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกของการต่อสู้ หรือเป็นกลไกในการปกป้องตนเอง คล้ายกับการยกโอ่งหนีไฟไหม้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สมองของเราไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างความเครียดที่เกิดจากการเอาตัวรอดและความเครียดที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายรู้สึก อยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่เน้นแคลอรีและไขมัน จนในที่สุดสาวกความเครียดก็จะ สะสมไขมัน มากกว่าคนปกติ หรือคนที่มีอารมณ์ดี
นอกจากนี้ ฮอร์โมนคอร์ติโซลยังสามารถเข้าไปกระตุ้นให้ปริมาณของอินซูลินและเลพตินเพิ่มขึ้น โดยอินซูลินคือฮอร์โมนที่ถูกขับออกมาในตับอ่อน ซึ่งจะส่งผลให้รู้สึกอยากอาหารอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เลพตินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะคอยบอกกับสมองว่า เมื่อใดจึงควร หยุดความอยากอาหาร เมื่อไรจะเร่งอัตราการเผาผลาญอาหาร และเมื่อใดร่างกายต้อง เผาผลานไขมันสะสม ไว้ แต่เมื่อความเครียดกระตุ้นให้รู้สึกอยากอาหาร ไขมัน
 สูง ร่างกายของก็จะหยุดตอบโต้เลพติน ซึ่งทำให้ระบบสั่งการรวนเร จึงส่งผลให้มีแนวโน้มว่าจะทานไม่ยั้ง โดยเฉพาะชายหญิงในวัยกลางคน
ลดเครียดลดหุ่น
เมื่อความเครียดคือหนึ่งในตัวการแห่งความอยากอาหาร ดังนั้น การทำจิตใจให้แจ่มใส เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อาจเป็นทางออกที่ดีเพื่อรักษารูปร่างให้สวยเช้ง แต่วิธีที่เลิศสุดๆ เพื่อลดความเครียดแถมพ่วงด้วยหุ่นสวยก็คือ ป้องกันการหลั่งของฮอร์โมนแห่งความเครียดด้วยการออกกำลังกาย เพราะช่วงเวลาที่คุณออกกำลังกายร่างกายจะผลิตสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งจะช่วยสกัดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติโซล โดยการออกกำลังกายนั้น ก็ควรเป็นไปในลักษณะของการทำเป็นประจำ คืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 – 40 นาที
นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และเพิ่มพูนความสุขด้วย ถั่ว กล้วย นมสด ก็เป็นอีกวิธีที่ควรทำควบคู่ไปกับการปรับอารมณ์ให้เข้าใจถึงสิ่งทำให้เครียด เพราะถ้าเราสามารถแก้ไขจุดที่ก่อให้เกิดความเครียดได้ ซึ่งนั้นหมายถึงว่า ความเครียดไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และหุ่นสวยๆ ก็จะอยู่กับเราตลอดไป
    ขอบคุณที่มาจาก : emaginfo.com